วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วิธีการขอพร และ การบูชา พระพิฆเนศ แบบฉบับรักไร้พ่าย ॐ श्री गणेशाय नमः



มาแนะนำการขอพรและบูชาองค์พระพิฆเนศ ในแบบของรักไร้พ่าย ให้สำหรับคนที่ยังไม่รู้วิธีขอพร ซึ่งเป็นความลับเฉพาะที่ใครทำตามต้องทึ่งสุดๆในสิ่งที่จะเกิดขึ้น


ส่วนใครที่มีวิธีการขอพรที่ตัวเองยึดถืออยู่แล้ว ก็ให้ทำตามแนวของตัวเอง 


เพราะการขอพรพระพิฆเนศ ไม่ได้มีหลักตายตัว องค์พ่อท่าน ไม่ใช่ เจ้ายศเจ้าอย่างที่จะตั้งกฏให้บูชาวิธีนั้นวิธีนี้

จริงๆแล้วจะเป็นแบบไหนก็ได้ ขอเพียงแค่ใจที่มีศรัทธาต้องค์ท่าน



    วิธีบูชาองค์พ่อพิฆเนศ ในแบบของญาณทิพย์ที่ผมเอง หรือ อ.มีญาณในเว็บญาณทิพย์หลายท่านได้ใช้วิธีนี้กัน


จึงขอนำมาเผยแพร่ให้เป็นวิทยาทาน สำหรับผู้ที่ยังหาแนวทางการขอพรไม่ได้



การบูชาองค์ท่าน

เริ่มตั้งแต่การเตรียมเครื่องบวงสรวงบูชา เพื่อสักการะท่าน 

ของไหว้ ขอบูชา จริงๆ ท่านไม่เจาะจงให้ผู้เคารพท่าน ต้องนำของใดมาถวายท่านเป็นพิเศษ 

เพราะท่านไม่ปารถนาให้ผู้คนต้องเหนื่อยยาก ลำเค็ญและขวนขวายสิ่งของมาถวาย เพื่อให้องค์ท่านโปรดปราน 

จริงๆแล้ว จะเป็นสิ่งของใดก็ได้  ซึ่งท่านไม่ได้เสวยของนั้นอยู่แล้ว  ท่านเป็นเทพชั้นสูง เสวยอาหารทิพย์เป็นสุธาโภชน์จากบุญบารมีของท่าน
อยู่แล้ว  

การถวายของไหว้เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความเครพศรัทธาองค์ท่านของผู้คนผู้นั้นเท่านั้นเอง 

แต่มีเงื่อนไขนิดนึงว่า ของที่ถวายนั้น ไม่ควรเป็นเนื้อสัตว์ หรือ ของที่ได้มาโดยการเบียดเบียนตัวเอง หรือเบียดเบียนผู้อื่น

เช่น ไปสั่งเขาฆ่าไก่มาถวายองค์ท่าน หรือ เราไม่มีเงิน ไปยืมเงินเพื่อนมาซื้อของถวายท่าน 


หลายคนมักเข้าใจว่า องค์พ่อ ชอบทานกล้วย อ้อย เพราะคิดว่าท่านเป็นช้าง จึงชอบทานของที่ช้างชอบ

นั่นเป็นความคิดที่ผิดมากๆ  เพราะในความเป็นจริง องค์พระพิฆเนศ ท่านไม่ใช่เป็นช้าง หรือ เป็นเทพช้าง ( เหมือนช้างเอราวัณพาหนะของพระอินทร์ )
แต่ท่านเป็น เทวดาระดับมหาเทพ หรือ เป็นเทพมเหศักดิ์ที่มีบุญญาบารมีสูงมาก

การที่ท่านมีเศียรเป็นช้าง เป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกที่ผู้คนรู้จักท่านในรูปลักษณ์นี้  แต่อทิสมานกายท่านจริงๆ คือ เทพบุตรรูปงามอันจะหาที่เปรียบมิได้ 
องค์ท่านจริงๆเป็นเทพบุตรเหมือนชายหนุ่ม
องค์ท่านเป็นเทวดาที่เปี่ยมด้วยเมตตา และปรีชาญาณ และได้รับการนับถือและให้เกียรติจากเหล่าทวยเทพทั้งหลาย คือ หากมนุษย์จะสักการะเทพใดในสายฮินดู
ต้องเคารพสักการะองค์พระพิฆเนศก่อนเป็นอันดับแรก 


และของโปรดที่ท่านชอบ คือ ขนมโมทกะ ขนมเลาดูล  และ นมสด

แต่ไม่ได้หมายความว่า เราบูชาของไหว้อื่นที่ไม่ใช่ของโปรดท่านแล้ว ท่านจะไม่ชอบ และไม่ช่วยเรา 

ท่านจะช่วยคนใด ไม่ได้ขึ้นกับว่า คนนั้นต้องถวายของที่ท่านโปรดเสมอไป 

เครื่องบูชาใดก็ได้ตามที่ที่ผู้ถวายได้ถวายด้วยใจศรัทธาและใจที่รักท่าน นั่นคือสิ่งที่ท่านโปรดปรานที่สุด 


ความเป็นมหาเทพ ระดับ พิฆเนศวร หรือแปลว่า ผู้เป็นใหญ่ในหมู่คณะ  ที่ได้รับการเคารพสักการทั้งจากเหล่าทวยเทพ และเหล่ามนุษย์ทั่วหล้าได้นั้น 
สภาวะจิตขององค์ท่านต้องสูงส่งในระดับของพรหมวิหารธรรม จึงไม่ได้ยึดติดในลาภสักการะใดๆเลย


ดังนั้น เราสามารถวายของไหว้ใดก็ได้ที่เราสามารถหามาได้โดยไม่เบียดเบียนตัวเองและผู้อื่น 




วันเวลาที่จะบูชท่านควรเป็นวันใด

ขอตอบว่า 

วันใดก็ได้ที่จิตคุณพร้อมและใจของคุณมีองค์ท่านอยู่ในใจ 

เหมือนถามว่า จะทำบุญต้องทำวันไหนได้บุญมากที่สุด  ก็ขอตอบว่า ก็ต้องทำในวันที่ใจเราเป็นบุญที่สุด

องค์ท่านไม่ได้กำหนดตายตัวว่าจะต้องเป็นวันไหน ท่านต้องการให้วันใดก็ได้ที่ใจคนนั้นมีท่านอยู่ 
ก็บูชาท่านได้เลย และการบูชานั้นจะได้ผลมากด้วย

แต่มนูษย์มากำหนดเอาเองทั้งนั้น  

บ้างว่า ต้องเป็นวันอังคาร เพราะเป็นวันเกิดท่าน

บ้างว่า เป็นวันพฤหัส ซึ่งเป็นวันครู ซึ่งท่านเป็นจอมปราชญ์ เป็นบรมครู  

ขอบอกว่า ทั้ง วันอังคารและวันพฤหัส  2 วันดังกล่าวนี้ก็ใช่ 

แต่อีก 5 วัน ก็ใช่เช่นกัน !!

ต้องแยกให้ออกว่า ความคิดของมนุษย์ที่ชอบยึดหลักตายตัวตามประเพณีความเชื่อ อย่ามาเปรียบกับความคิดของมหาเทพที่ปล่อยวางในกฏเกณฑ์แห่งจารีต 

หลายคนไปไม่ถึงองค์ท่าน แต่ไปหยุดจอดนิ่งแค่ความเชื่อหรือจารีตที่คนสร้างขึ้นเกี่ยวกับองค์ท่านซึ่งเป็นตัวกลาง และเป็นตัวกั้นไม่ให้คุณได้เข้าถึงท่านจริงๆ

การเข้าถึงท่านจริงๆได้ คือ จิตที่ศรัทธาท่าน ซึ่งจะไม่ผ่านนายหน้า หรือ ตัวกลางทางความเชื่อประเพณี


จารีต ประเพณีความเชื่อ ไม่ใช่ท่านสร้างให้มนูษย์ทำตามๆกันมา 

แต่ความจริงใจ การเปิดใจของคนๆนั้นต่างหากที่จะยอมรับท่านให้เข้ามาอยู่ในใจหรือไม่

ดังนั้น วันที่คุณมีท่านในใจ นั่นแหละเป็นวันที่ควรบูชาท่านที่สุด 


วิธีการบูชาองค์ท่าน  

การที่จะบูชาท่าน ต้องเข้าใจจุดมุ่งหมายของการบูชาที่แท้จริงก่อน 

การบูชาเทพ คือการแสดงความเคารพท่าน นอบน้อม ต่อเทพนั้นๆ และขอพี่งพาบารมีท่านให้ท่านได้อำนวยอวยพรและช่วยเหลือ
เราตามขอบเขตอำนาจบุญฤทธิ์ที่ท่านมี 

เทพแต่ละองค์มีบารมีต่างกัน จึงสร้างฤทธิ์ สร้างเดชได้ต่างกัน  แต่เทพทุกองค์มีสิ่งที่เหมือนกันคือ มีฤทธิ์อำนาจที่อยู่ใต้กฏแห่งกรรมเหมือนกัน 
ดังนั้น องค์ท่าน หรือ องค์เทพใดก็ตาม ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน จะไม่มีสิทธิ์ช่วยคนผู้นั้นให้พ้นจากแรงกรรมคนนั้นที่ต้องชดใช้ได้
แต่อาจสามารถเบี่ยงหรือเลี่ยง หรือเลื่อน ชะลอกรรมนั้นไปได้บ้างในบางโอกาส และช่วยเหลือให้คนนั้นสมหวังดังปารถนาได้เมื่อวาระแห่งกรรมจองคนนั้น
ได้เริ่มสร่างซาลงแล้ว  

ดังนั้นการจะขอพรจากองค์ท่าน ขอให้ตระหนักถึงเรื่องนี้ก่อน   


คนประเภทใดบ้างที่องค์ท่านจะช่วย

หลายคนบอกว่า คนที่มีสายญาณของท่าน หรือคนที่เคารพสักการะท่านเป็นนิจ หรือ คนที่มีบุญสัมพันธ์กับท่านเท่านั้นท่านจึงจะช่วย

ขอตอบว่า ที่กล่าวมานั้นถูกแต่ถูกไม่หมด ท่านช่วยคนดังกล่าวนี้แน่นอนถ้าไม่เกินกรรมผู้นั้น 

ต้องเข้าใจก่อนว่า เทพ เทวดาทุกองค์ก็มีหน้าที่ๆต้องทำต่างกันไป และหน้าที่ขององค์พระพิฆเนศคือ การสร้างความสุข ความสมหวังให้กับเทวดาและมวลมนุษย์
ท่านจึงไม่ได้เลือกที่จะช่วยคนที่รักท่านอย่างสุดใจเท่านั้น ท่านยังรักและปารถนาจะช่วยคนที่ไม่ได้มีสายญาณกับท่าน หรือไม่ได้มีบุญสัมพันธ์กับท่านด้วย
เพียงแต่คนเหล่านั้น เมื่อไม่มีบุญสัมพันธ์กับท่านมาก่อน ไม่เคยไหว้ท่าน ไม่เคยอุทิศบุญให้ท่าน ไม่เคยรักท่าน ใจคนนั้นยังไม่เปิดรับท่านเต็มที่ ความต้านในใจลึกๆ
ความไม่เชื่อมั่นว่าท่านจะช่วยได้นั้น เป็นตัวปิดกั้นไม่ให้ท่านได้เข้ามาในใจและช่วยเหลือคนนั้นได้ เพราะท่านจะไม่เข่ามาก้าวก่ยชีวิตใครหากผู้นั้นไม่ได้เชื้อเชิญให้เข้ามา

เหมือน เจ้าของบ้านไมได้เชิญแขกผู้มาเยือนที่โอบอ้อมอารีให้เข้าบ้าน 

สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีบุญสมพันธฺกับท่่าน ก็สามารถสร้างบุญกับท่านได้ตั้งแต่วันนี้ ด้วยการเมื่อเราทำบุญครั้งใดก็อุทิศ ส่งบุญนั้นให้ท่านด้วย



ขั้นตอนการขอพรองค์ท่าน 

เนื้อหาถูกซ่อนไว้ก่อนอื่นต้องหารูปเคารพท่านมาก่อน ซึ่งจะเป็นรูปใดก็ได้ จะเป็นรูปจำหลัก รูปถ่าย รุปลอยองค์ แล้วแต่เราสะดวกหามาได้
การใช้รูปเคารพ ก็เพื่อแสดงถึงความเป็นตัวท่าน เหมือนเรากำลังคุยกับท่านจริงๆ 
การมีรูปเคารพเพื่อให้ใจเราเพ่งไปในรูป และกำหนดท่านอยู่ในใจ 
เพราะการจะขอพร หรืออธิ๋ฐานต่อเทพใด ใจคนนั้นต้องกำหนดทิศทางให้คำขอพรนั้นไปยังงผู้ใด 
เราไม่ได้ขอพรกับเทวรูปหรือ รูปภาพนั้น แต่เราขอกับองค์ท่านที่เป็นเทวดา โดยมีรูปเคารพเป็นเครื่องโยงให้ใจเรานึกถึงภาพท่านได้


ส่วนคนที่มีสภาวะจิตนิ่งเป็นสมาธิขั้นสูง เช่น พวกฤาษี โยคี หรือ นักบวช คนเหล่านี้ไม่ต้องใช้รูปเคารพท่านเลย 
แต่ใช้จิตตัวเองที่แก่กล้าสร้างนิมิตขององค์ท่านขึ้นมาในใจได้เลย 



การบูชาท่านที่นิยมกันมาก คือ การจุดกำยานหรือ ธูปเทียนก็ได้ ตามแต่เราจะสะดวก
จะเป็นกำยานแบบไหน จะเป็นธูปชนิดไหน ธูปจีน ธูปแขก ได้ทั้งหมด 

จำนวน ธูปที่จุดไหว้ท่าน หลายแหล่งบอกมาไม่เหมือนกัน บ้างว่า 5 ดอก 8 ดอก 11 ดอก 16 ดอก
จริงๆแล้วจะกี่ดอกก็ได้ จำนวนดอกนั้นขึ้นอยู่กับการกำหนดขึ้นมาของคน บ้างว่า 5 ดอก เพราะยึดคติว่า 
5 คือ คุณธรรมของพระพิฆเนศ คือ เป็นเทพแห่งโชคลาภ ปัญญา ศิลปะ ความสำเร็จ และ การขจัดอุปสรรค

แต่อย่าจุด 3 ดอก เพราะเป็นการเลียนแบบการบูชาพระรัตนตรัย 


หากสถานที่ของท่านไม่สะดวกในการจุด ก็ไม่ต้องจุดก็ได้ 


ส่วนการบูชาท่านด้วยดอกไม้อะไรดี

การถวายดอกไม้คือ การถวายของหอม ของสวยงาม ของชื่นใจ ไม่จำกัดว่าเป็นดอกอะไร
ดอกไหนก็ได้ แต่ที่นิยมกันคือ ดอกดาวเรือง

คนมีญาณเคยสื่อจิตเห็นรอบๆวิมานของท่านโปรยปรายด้วยดอกดาวเรือง จึงนำมาบอกต่อ ผู้คนจึงนิยมใช้ดอกดาวเรืองถวาย 

การบูชาท่านด้วยอามิสบูชา จะเป็นอะไรก็ได้ที่เหมาะสม แต่การเชื่อมต่อกับท่านอาศัยจิตเป็นสำคัญ 

แนะนำว่า การบูชาท่านแบบง่ายที่สุด คือ น้ำเปล่า 1 แก้ว ถวายท่าน ทุกวัน หรือ ให้บ่อยที่สุด

หรือ อาทิตย์นึง ถวายนมสดท่าน 1 กล่อง หรือ ดอกดาวเรือง



ขั้นตอนการบูชา และขอพร ทำตามนี้


1 ก้มลงกราบท่าน 1 ครั้ง ( ตอนกราบให้แบ 2 มือวางราบกับพื้น )


2.ทำจิตให้นิ่งและเพ่งไปยังรูปเคารพของท่าน พยายามเพ่งไปที่ดวงเนตร ให้ภาพท่านติดตาอยู่ในใจให้ชัดเจน 
( สามารถตรวจสอบได้โดยถ้าเราเพ่งแล้วหลับตา รูปท่านนั้นยังปรากฏเป็นนิมิตในใจเราชัดเจน ถือว่าถูกต้อง )


การกราบเพื่อแสดงถึงความนอบน้อม เพื่อสดุดีต่อบุญบารมีขององค์ท่าน จากนั้นทำจิตพิจารณาและระลึกถึงท่านให้เป็นเทวานุสติ 
ให้ระลึกถึงคุณงามความดีของท่าน หรือ คุณสมบัติของท่าน เช่น 
ท่านเป็นมหาเทพที่มีเมตตา เปี่ยมด้วยสติปัญญา และมีจิตที่อนุเคราะห์ต่อเหล่ามนุษย์และเทวดา 


3 บริกรรมคาถาบูชาท่าน 3 ครั้ง 
(หรือ อาจ 8 ครั้ง หรือ 11 ครั้ง ก็ได้ เพราะ 8 กับ 11 เป็นเลขประจำตัวท่าน ) 

โอม ชัยยะ ชัยยะ ศรี คเณศายะ นะมะฮา !!
โอม ชัยยะ ชัยยะ ศรี คเณศายะ นะมะฮา !!
โอม ชัยยะ ชัยยะ ศรี คเณศายะ นะมะฮา !!

ॐ श्री गणेशाय नमः 
ทำไมต้องเป็นคาถาบทนี้ ไม่ขอบอกละกัน อยากให้ลองพิสูจน์กันดูเอาเอง 



หากคุณอยู่เพียงลำพังในห้องส่วนตัว ให้ท่องดังๆ ให้สุดเสียงยิ่งดี 
หากอยู่กันหลายคน หรือไม่สะดวกจะท่องดังๆ ก็ให้ท่องเบาๆก็ได้ อย่างน้อยขอให้เปล่งเสียงออกมา แต่อย่าท่องในใจ
ขณะท่องอย่าหลับตาให้เพ่งไปที่ ดวงเนตรของท่านที่รูปเคารพ 

แต่ท่องดังๆได้ จะดีกว่าเยอะ เพราะเป็นการจูนพลังของเราเชื่อมกับสภาวะของท่าน
ขณะที่เราท่องบริกรรมด้วยการออกเสียง คำขึ้นต้นของคาถาคือ โอม 

เสียงโอม ซึ่งเป็นเสียงที่ทรงพลังที่สุดในจักวาล เมื่อเปล่งออกมาขณะนั้น สภาวะจิตของเราจะสั่นสะเทือน
และเกิดการจัดเรียงตัวเป็นพลังงานบวก หรือ พลังทิพย์ ตามจักระ
แล้ว อาศัย 2 ปัจจัย คือ คาถาบริกรรมและ จิตที่นิ่งและศรัทธาท่าน จะรวมศูนย์เป็นพลังตบะ เป็นเหมือนใบเบิกทางให้ใจเราไปถึงท่านได้แบบติดจรวดเร็วที่สุด



4 ขอพรจากท่าน ในเรื่องที่ตัวเองต้องการ
การขอพร ต้องระบุความต้องการให้ชัดเจน 

เช่น ขอให้ท่านโปรดช่วยเหลือในเรื่องนี้ๆ เรื่องนั้นภายในวันนั้น วันนี้ 

แต่เรื่องที่ขอต้องไม่เกินกรรม ต้องไม่ผิดศีล ต้องไม่เป็นการเบียดเบียนผู้อื่น


ให้ขอกับท่าน โดยเปล่งเป็นวาจาออกมา จะดังจะเบาก็ได้ ให้เหมือนเรากำลังขอความช่วยเหลือจากญาติผู้ใหญ่ที่เราเคารพรัก 
อย่าขอแบบมนุษย์ขอพรกับเทพ เพราะใจเราอาจจะรู้สึกเกรง จนเกร็ง และใจจะกลัวๆกล้าๆเพราะเราไม่ได้รู้จักท่านเป็นการส่วนตัว ไม่คุ้นเคย
ซึ่งเป็นธรรมดาของคนไม่รู้จักสนิทกัน จะเกร็ง พอเกร็ง ใจจะหดตัว ไม่ผ่อง ไม่พอง การเชื่อมจิตกันจะไม่ชัดเจน




ขอให้มองท่านเป็นญาติผู้ใหญ่คนนึงเพื่อให้สภาวะใจเปิดรับ เปิดกว้าง และใกล้ชิดกับท่าน 
เหมือนเราคุยกับผู้ใหญ่ที่เราสนิทและเคารพ  ใจเราจะไม่เกร็ง ไม่เครียด ใจจะไหลรื่น และเป็นการส่งพลังบวกต่อกันอย่างดี

อาจจะเรียกท่านเป็นกุศโลบายเพื่อดึงจิตเราให้ผ่อนคลาย เช่นเรียกท่านว่า พ่อ หรือ องค์พ่อ ก็ได้

( ส่วนใหญ่เรียกว่า องค์พ่อ ) และเรียกสรรพนามแทนตัวเราเองว่า ลูก หรือ เรียกชื่อเล่นเราก็ได้

องค์ท่านไม่ได้ให้เราห่างเหินกับท่าน เหมือน ราชากับ ประชาชน แต่ท่านอยากให้เรามีความรู้สึกใกล้ชิดผูกพันกับท่านให้มากที่สุด 
เรียกท่านว่า  พ่อ หรือ องค์พ่อ ท่านจะโปรดปรานยิ่ง


การขอพร จะได้ผลหรือไม่ได้ผล ขึ้นกับ

1  ใจคนนั้นมีศรัทธากับท่านมากพอหรือไม่
2  เรื่องที่ขอนั้นเกินวิสัยและข่ายอำนาจบุญฤทธิ์ของท่านหรือไม่ 
2  เรื่องที่ขอนั้นเกินกฏแห่งกรรมของคนนั้นหรือไม่ 




เคล็บลับการขอพรจากพระพิฆเนศ
เนื้อหาถูกซ่อนไว้ท่านโปรดปรานคนที่มีความกตัญญูต่อบุพการีเป็นที่สุด จะเห็นได้ว่า คนมีญาณที่มีสายญาณขององค์พระพิฆเนศทุกคน
จะกตัญญูกับบิดา มารดาของตัวเองอย่างมาก 

เคล็ดลับคือ เมื่อใดก็ตามที่เราให้เงินพ่อแม่ใช้หลังจากให้เงินแล้ว ให้เราส่งบุญนั้นให้องค์พระพิฆเนศ
ไม่จำเป็นต้องไปนั่งหน้าหิ้ง ให้ส่งจิตถึงท่านทันทีเลย

แค่อธิษฐานในใจว่า 

"บุญนี้ที่ลูกได้ให้เงินกับคุณพ่อ (คุณแม่) ]ลูกขอส่งบุญนี้ให้องค์พ่อ" 


คำพูดสั้นๆ แค่นี้ แต่สิ่งที่จะตามมานั้น ยิ่งใหญ่ชนิดที่คุณคาดไม่ถึงเลยทีเดียว 

นี่คือเคล็ดลับที่องค์ท่านได้ประทานมาให้

การขอพรจากองค์ท่านนั้น ขอให้ระบุเรื่องที่ขอ และเวลาให้ชัดเจน และอย่าเปลี่ยนใจบ่อย บางคนขอท่านวันนี้เรื่องนี้ แต่อีกวันเปลี่ยนใจ
แบบนี้ไม่ถูก จะขออะไรจากท่านต้องแน่ใจว่า เราแน่ใจแล้วว่า เราอยากได้จริงๆ




การขอพรไม่ถูกต้อง เช่น

ขอให้ลูกค้าขายได้เงินมากๆ

ขอแบบนี้กว้างมาก เพราะไม่รู้ว่ามาก จะมากขนาดไหน หรือ อีกนานแค่ไหนจะได้  อีกกี่ปี 1 ปี 10 ปี หรือ 20 ปี

หรือบางคนขอ กำหนดเจาะจงเกินไป 

เช่น ขอให้ลูกขายเครื่องสำอางค์ ให้หมด พรุ่งนี้ก่อน  เวลา18.30  และได้เงิน 25, 000  

ขอแบบนี้ เจาะจงเกินไป

การขอที่ถูกหลัก ต้องไม่เจาะจงเกินไป และกว้างเกินไป เช่น


ขอให้ลูกได้ขายสินค้าเครื่องสำอางค์นี้  ให้ได้มากที่สุด ภายใน 1 สัปดาห์

ให้เราขอแบบนี้ บ่อยๆ  วันละ ครั้ง หรือ สองวันครั้ง แต่เน้นประโยคเดิมๆ 
ทังนี้ไม่ใช่ กลัวท่านจะลืม  (ท่านไม่ใช่คนแก่ขี้หลงขี้ลืม )  แต่เพื่อให้ตัวเราเองแน่ใจ ในความต้องการของเรา




การขอที่ได้ผล ควรจะถวายอะไรให้ท่านเป็นการตอบแทน

เช่น ขอว่า หากขายได้เท่านั้นเท่านี้ ภายในช่วงนั้น ช่วงนี้ แล้วลูกจะทำบุญถวายนมให้ท่าน 
หรือ ลูกจะถือศีลกินเจ ให้องค์พ่อ 1 วัน 

และต้องจำที่เราบอกนี้ให้ได้ ไม่งั้นเวลาเราได้ตามที่ท่านให้แล้ว เราจะผิดสัจจะ 



นี่คือการบูชาและขพรจากพระพิฆเนศแบบคร่าวๆ ลองนำไปใช้ดูครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.yantip.com/forum.php 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น